Battleship : เมื่อเรือรบปะทะเอเลี่ยน (spoil)
หยุดสงกรานต์ทั้งที นายมิโต้เกิดซวยมาติดเวรซะนี่ เลยไม่ได้กลับบ้านกลับช่องเหมือนคนอื่นเขาเลย ว่างๆเลยไปดูหนัง ลันล้า~ ซะเลย ไม่รู้จะดูเรื่องอะไร เห็นเพื่อนๆ พูดถึง Battleship กันซะเยอะ เลยตัดสินใจ ดูเรื่องนี้ซะเลย ดูจบก็รู้สึกว่าคุ้มหลายๆ เลยมาเล่าให้ฟังกันนี่แล ~ แน่นอนว่า มี Spoil กับเค้าด้วย ใครยังไม่ดูกดปิดก็ได้ ไม่ว่ากัน
Official website : http://www.battleshipmovie.com/#
Type : movie
Director : Peter Berg (Handcock , The Kingdom, Friday Night Lights)
Genres : action,sci-fi,thriller
Show times : 12 เมษายน 2555 (ประเทศไทย)
Plot : ยุทธนาวีระหว่างกองทัพเรือนานาชาติ และมนุษย์ต่างดาว (เอเลี่ยน)
Hopper เป็นชายที่หน้าตาดี มีพรสวรรค์ ฉลาด แต่ด้วยบุคลิกที่ไม่มีความเป็นผู้นำ และใช้อารมณ์ในการตัดสินใจร่วมกับการทำตามใจตัวเองล้่วนๆ ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา และเป็นที่เอือมระอาของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก และส่งผลให้ Hopper ไม่เป็นที่ถูกใจของ ว่าที่พ่อตา (ในอนาคต ??) ผู้เป็นถึงผู้บังคับบัญชาการของกองทัพเรือสหรัฐ แม้ว่าแฟนสาวของเขา Sam Shane ( Brooklyn Decker) จะยินยอมพร้อมใจแต่งงานด้วยก็ตาม
อีกด้านหนึ่งของโลก นักวิทยาศาสตร์ตัดสินใจส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมไปยังอีกโลกหนึงที่คาดว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ด้วย โดยมีฐานอยู่ที่ Hawaii ใกล้ๆกับที่ซ้อมรบภาคสนามของ Hopper พอดี และนั่นทำให้สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง !! นั่นคือ สิ่งมีชีวิตในโลกนั้นได้ส่งสัญญาณตอบกลับมาจริงๆ ไม่ใช่แค่สัญญาณ แต่เป็นยานรบแทน !!
เรื่องมาถึงจุดพลิกผันเมื่อ Hopper ต้องสูญเสียพี่ชายอย่างรวดเร็ว และต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก ผู้เป็นศัตรูที่ไม่เคยพบมาก่อน และมีเทคโนโลยีการรบที่ดีกว่ากองทัพใดๆในโลกอย่างเทียบไม่ติด ความมั่นใจที่เคยมีสูญหายไป เพราะขาดพี่ชาย และวิถีการรบที่เคยฝึกมา ใช้ไม่ได้กับยุทธนาวีครั้งนี้ Hopper จะทำอย่างไร... โปรดติดตามตอนต่อไป .... ==> ไม่ใช่แล้ว ใครสนใจไปดูหนังใกล้บ้านท่านเลยจ้า...
In my opinion : (Spoil แน่ๆ)
ตามความเห็นของนายมิโต้ Battleship เป็นหนังฆ่าเวลาช่วงสงกรานต์ได้ดีมากๆ แม้ว่า plot เรื่อง ปมของเรื่อง จะไม่มีอะไรเลย ตามประสาหนังบู๊ ดูสู้สนุก ฉากอลังการ เนื้อเรื่องค่อนข้างเดินได้กระชับ ดูมีเหตุมีผล ตอนจบ Happy Ending แบบและแล้ว...อเมริกาก็ช่วยกู้วิกฤติโลกได้อีกครั้้ง !! อารมณ์ไม่ค้าง แบบชวนให้คิดว่าต้องมีภาคต่อแ่น่ๆ อะไรทำนองนี
สำหรับการ design แต่ละฉากของ battleship ทำออกมา ดูตื่นตาตื่นใจ เพราะความแปลกใหม่ เพราะเป็นการต่อสู้ทางน้ำ ที่ผสมกลมกลืนกับการวางแผนการรบบนเรือสมัยใหม่ ที่ยากจะเห็นในหนังเรื่องอื่นๆ ชวนให้คิด ว่ากำลังเล่นเกมกองทัพเรือ สไตล์ RPG อย่างไรอย่างนั้น
ส่วนเรื่องการออกแบบมนุษย์ต่างดาว ยังอยู่ในขั้นพอรับได้ (ใส่ชุดเกราะอย่างกับ ion man = =") ดูเป็นเผ่าพันธุ์ที่พัฒนาเทคโนโลยีได้ก้าวหน้ากว่ามนุษย์อยู่ อย่างไรก็ตาม สติปัญญาของเอเลี่ยนในหนัง ดูเหมือนจะอยู่ในระดับ กาก! ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ทำให้การตัดสินใจเวลาสู้แต่ละฉาก จะไม่ทันฝ่ายโลกมนุษย์เท่าไร แต่ถ้าจะให้ฉลาดเป็นกรด ก็คงจะไม่ไหว ไม่งั้น คงจบแบบ bad end แน่ ๆ
แม้ว่า battleship จะมีปมน้อย แต่ก็สื่อออกมาให้ชวนคิดได้หลายประเด็น ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาตัวละครของเรื่องโดยเฉพาะตัวเอก (Hopper) และอีกหลายๆคนในเรื่อง ที่เริ่มมาจากจุดที่สิ้นหวังของชีิวิต และกลับมาอีกครั้ง การทำงานของ leader ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อฝ่าวิกฤติ ที่ไม่ได้เอาตัวรอดเพียงแค่ตัวคนเดียว หากแต่ต้องทำงานกันเป็นทีม
สิ่งที่ประทับใจคือ หนังเรื่องนี้ ให้ความสำคัญกับตัวละครอีกตัว ผู้เป็น leader navy army จากเอเชีย(จำไม่ได้แล้วว่าจีนหรือญี่ปุ่น ??) นั่นทำให้ชาวต่างชาติยอมรับชาวเอเชียอย่างเรามากขึ้น
สรุปคือ Battleship เป็นหนังที่ดูสนุกระดับหนึ่ง ผู้ใหญ่ดูได้เด็กดูดี (ไม่มีฉากเลือดสาด แบบโหดๆเลยแม้แต่น้อย) มีครบทุกรสชาติ ไม่หนักดราม่า ถ้ามีคะแนนเต็ม 10 จะให้ battleship 7 จ้า ^ ^~
อนึ่งความเห็นทั้งหมดนี้เป็นเพียงมุมมองของคนตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น ต้องไปดูกับตาถึงจะเข้าใจจ้า ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะ
Official website : http://www.battleshipmovie.com/#
Type : movie
Director : Peter Berg (Handcock , The Kingdom, Friday Night Lights)
Genres : action,sci-fi,thriller
Show times : 12 เมษายน 2555 (ประเทศไทย)
Plot : ยุทธนาวีระหว่างกองทัพเรือนานาชาติ และมนุษย์ต่างดาว (เอเลี่ยน)
trailer
Story :
Battleship เป็นเรื่องราวของเรือโท Alex Hopper (Taylor Kitsch) ผู้ไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับพี่ชาย ในการซ้อมรบภาคสนามกับกองทัพเรือของนานาชาติHopper เป็นชายที่หน้าตาดี มีพรสวรรค์ ฉลาด แต่ด้วยบุคลิกที่ไม่มีความเป็นผู้นำ และใช้อารมณ์ในการตัดสินใจร่วมกับการทำตามใจตัวเองล้่วนๆ ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา และเป็นที่เอือมระอาของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก และส่งผลให้ Hopper ไม่เป็นที่ถูกใจของ ว่าที่พ่อตา (ในอนาคต ??) ผู้เป็นถึงผู้บังคับบัญชาการของกองทัพเรือสหรัฐ แม้ว่าแฟนสาวของเขา Sam Shane ( Brooklyn Decker) จะยินยอมพร้อมใจแต่งงานด้วยก็ตาม
อีกด้านหนึ่งของโลก นักวิทยาศาสตร์ตัดสินใจส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมไปยังอีกโลกหนึงที่คาดว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ด้วย โดยมีฐานอยู่ที่ Hawaii ใกล้ๆกับที่ซ้อมรบภาคสนามของ Hopper พอดี และนั่นทำให้สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง !! นั่นคือ สิ่งมีชีวิตในโลกนั้นได้ส่งสัญญาณตอบกลับมาจริงๆ ไม่ใช่แค่สัญญาณ แต่เป็นยานรบแทน !!
เรื่องมาถึงจุดพลิกผันเมื่อ Hopper ต้องสูญเสียพี่ชายอย่างรวดเร็ว และต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก ผู้เป็นศัตรูที่ไม่เคยพบมาก่อน และมีเทคโนโลยีการรบที่ดีกว่ากองทัพใดๆในโลกอย่างเทียบไม่ติด ความมั่นใจที่เคยมีสูญหายไป เพราะขาดพี่ชาย และวิถีการรบที่เคยฝึกมา ใช้ไม่ได้กับยุทธนาวีครั้งนี้ Hopper จะทำอย่างไร... โปรดติดตามตอนต่อไป .... ==> ไม่ใช่แล้ว ใครสนใจไปดูหนังใกล้บ้านท่านเลยจ้า...
In my opinion : (Spoil แน่ๆ)
ตามความเห็นของนายมิโต้ Battleship เป็นหนังฆ่าเวลาช่วงสงกรานต์ได้ดีมากๆ แม้ว่า plot เรื่อง ปมของเรื่อง จะไม่มีอะไรเลย ตามประสาหนังบู๊ ดูสู้สนุก ฉากอลังการ เนื้อเรื่องค่อนข้างเดินได้กระชับ ดูมีเหตุมีผล ตอนจบ Happy Ending แบบและแล้ว...อเมริกาก็ช่วยกู้วิกฤติโลกได้อีกครั้้ง !! อารมณ์ไม่ค้าง แบบชวนให้คิดว่าต้องมีภาคต่อแ่น่ๆ อะไรทำนองนี
สำหรับการ design แต่ละฉากของ battleship ทำออกมา ดูตื่นตาตื่นใจ เพราะความแปลกใหม่ เพราะเป็นการต่อสู้ทางน้ำ ที่ผสมกลมกลืนกับการวางแผนการรบบนเรือสมัยใหม่ ที่ยากจะเห็นในหนังเรื่องอื่นๆ ชวนให้คิด ว่ากำลังเล่นเกมกองทัพเรือ สไตล์ RPG อย่างไรอย่างนั้น
ส่วนเรื่องการออกแบบมนุษย์ต่างดาว ยังอยู่ในขั้นพอรับได้ (ใส่ชุดเกราะอย่างกับ ion man = =") ดูเป็นเผ่าพันธุ์ที่พัฒนาเทคโนโลยีได้ก้าวหน้ากว่ามนุษย์อยู่ อย่างไรก็ตาม สติปัญญาของเอเลี่ยนในหนัง ดูเหมือนจะอยู่ในระดับ กาก! ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ทำให้การตัดสินใจเวลาสู้แต่ละฉาก จะไม่ทันฝ่ายโลกมนุษย์เท่าไร แต่ถ้าจะให้ฉลาดเป็นกรด ก็คงจะไม่ไหว ไม่งั้น คงจบแบบ bad end แน่ ๆ
แม้ว่า battleship จะมีปมน้อย แต่ก็สื่อออกมาให้ชวนคิดได้หลายประเด็น ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาตัวละครของเรื่องโดยเฉพาะตัวเอก (Hopper) และอีกหลายๆคนในเรื่อง ที่เริ่มมาจากจุดที่สิ้นหวังของชีิวิต และกลับมาอีกครั้ง การทำงานของ leader ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อฝ่าวิกฤติ ที่ไม่ได้เอาตัวรอดเพียงแค่ตัวคนเดียว หากแต่ต้องทำงานกันเป็นทีม
สิ่งที่ประทับใจคือ หนังเรื่องนี้ ให้ความสำคัญกับตัวละครอีกตัว ผู้เป็น leader navy army จากเอเชีย(จำไม่ได้แล้วว่าจีนหรือญี่ปุ่น ??) นั่นทำให้ชาวต่างชาติยอมรับชาวเอเชียอย่างเรามากขึ้น
สรุปคือ Battleship เป็นหนังที่ดูสนุกระดับหนึ่ง ผู้ใหญ่ดูได้เด็กดูดี (ไม่มีฉากเลือดสาด แบบโหดๆเลยแม้แต่น้อย) มีครบทุกรสชาติ ไม่หนักดราม่า ถ้ามีคะแนนเต็ม 10 จะให้ battleship 7 จ้า ^ ^~
อนึ่งความเห็นทั้งหมดนี้เป็นเพียงมุมมองของคนตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น ต้องไปดูกับตาถึงจะเข้าใจจ้า ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น