In time : เวลา ใครว่าไม่สำคัญ ตอน 1
trailor :
(Spoil แน่ๆ ใครยังไม่ดู ไปดูก่อนนะ =w= ~)
ไม่รู้อะไร อยู่ๆ ก็ได้ไปดูเรื่องนี้ซะงั้น ภายใต้ concept ของหนังที่เพื่อนเล่าว่า
เป็นเรื่องราวชีวิตในโลกของคนที่มีอายุขัยเพียง 25 ปี แล้วจะใช้ชีวิตโดย
การใช้เงินซื้อเวลาต่อไปเรื่อยๆเหมือนเติมเงินในโทรศัพท์มือถือ เวลาหมดเมื่อไหร่
ก็ “ม่อง” เมื่อนั้น
เงินตรา อำนาจ อมตะ สามสิ่งที่เป็นที่ต้องการ แสวงหาครอบครองของคนเรา
มาทุกยุคทุกสมัย ใน in time ทั้งหมด ถูกแทนด้วยคำว่า Time ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้คนในโลก in time ต่างก็ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย time เช่น กาแฟถ้วยละ 4 นาที
ค่ารถเมลล์ 2 ชั่วโมง เป็นต้น
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าคนที่มี time มากจะเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด และ
เมื่อมี time ถ้ายังไม่ด่วนถูกสอยด้วยปืนหรือป่วยตาย ก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปเรื่อยๆ
ตราบเท่าที่มี time...
เริ่มเรื่องมา in time นำเสนอให้เห็น
กันจะจะเลยว่าชีวิตของพระเอกนั้นแสนจะ
กังวลกับ time ของเขาและแม ่(ใช้ชีวิตอยู่
กันเพียง 2 คนในบ้าน) อย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นนิสัยชอบพลิกข้อมือดู
time ของตนเองเพื่อดูว่าเหลือ time เท่าไร
การใช้ชีวิตที่รีบเร่งเพราะต้องแข่งกับเวลา
ทั้งต้องตื่นแต่เช้าและวิ่ง วิ่ง วิ่งหาเวลามา
เติม time ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ดูแล้วพระเอกเราใช้ชีวิตไม่ต่างกับคน “หาเช้ากินค่ำ”ในชีวิตจริงๆ
นอกจอเสียเท่าไรเลย พวกเขามีลักษณะเดียวกันคือ มีหนี้สินติดตัว มีอาชีพ
ไม่มั่นคงและมีรายได้ต่ำ ชีวิตทั้งชีวิตใช้วันต่อวัน ด้วยความคิดเพียงแค่ว่า
“พรุ่งนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี” หรือไม่ก็รอ ปาฏิหาริย์เงินตกมาจากฟ้าเท่านั้น
ดูเหมือนพระเอกในเรื่องจะมองว่า time เป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะได้รับอย่าง
เท่าเทียมกัน เช่นเดียวกับหลายๆคนที่สงสัยว่า ทำไมคนเราเกิดมาถึงไม่เท่าเทียมกัน
ทำไมคนนั้นถึงรวย ทำไมคนนี้ถึงจน ทำไมตนเองถึงไม่มีเงิน นั่นล่ะคือสิ่งที่เราควร
จะลองปรับมุมมองใหม่กัน ชีวิตของเราที่กำลังหายใจอยู่นี้ สิ่งที่ควรจะใส่ใจจริงๆ
ไม่ใช่แค่ “เงิน” เท่านั้นนะ สิ่งที่เราต้องการจริงๆนั้น คือ “time” ต่างหาก แม้ว่าเราจะ
ไม่ได้ใช้ time ในการต่อชีวิตในโลกเหมือนในโลกของ in time ก็ตามที
แต่เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยชิน กับคำว่า “ยุ่งจนไม่มีเวลา” กันใช่ไหม
โปรดติดตามตอน 2 ได้ที่ ==> http://mito-chondria10.blogspot.com/2011/11/n-time-2.html
พอดีดูหนังเรื่องนี้ ทำให้ได้อะไรคิดในหัวเต็มไปหมดเลย เลยไปเลยมา
เลยอยากลองมาเรียบเรียง เป็นแนวคิดดู..............
ไม่รู้อะไร อยู่ๆ ก็ได้ไปดูเรื่องนี้ซะงั้น ภายใต้ concept ของหนังที่เพื่อนเล่าว่า
เป็นเรื่องราวชีวิตในโลกของคนที่มีอายุขัยเพียง 25 ปี แล้วจะใช้ชีวิตโดย
การใช้เงินซื้อเวลาต่อไปเรื่อยๆเหมือนเติมเงินในโทรศัพท์มือถือ เวลาหมดเมื่อไหร่
ก็ “ม่อง” เมื่อนั้น
เงินตรา อำนาจ อมตะ สามสิ่งที่เป็นที่ต้องการ แสวงหาครอบครองของคนเรา
มาทุกยุคทุกสมัย ใน in time ทั้งหมด ถูกแทนด้วยคำว่า Time ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้คนในโลก in time ต่างก็ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย time เช่น กาแฟถ้วยละ 4 นาที
ค่ารถเมลล์ 2 ชั่วโมง เป็นต้น
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าคนที่มี time มากจะเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด และ
เมื่อมี time ถ้ายังไม่ด่วนถูกสอยด้วยปืนหรือป่วยตาย ก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปเรื่อยๆ
ตราบเท่าที่มี time...
เริ่มเรื่องมา in time นำเสนอให้เห็น
กันจะจะเลยว่าชีวิตของพระเอกนั้นแสนจะ
กังวลกับ time ของเขาและแม ่(ใช้ชีวิตอยู่
กันเพียง 2 คนในบ้าน) อย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นนิสัยชอบพลิกข้อมือดู
time ของตนเองเพื่อดูว่าเหลือ time เท่าไร
การใช้ชีวิตที่รีบเร่งเพราะต้องแข่งกับเวลา
ทั้งต้องตื่นแต่เช้าและวิ่ง วิ่ง วิ่งหาเวลามา
เติม time ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ดูแล้วพระเอกเราใช้ชีวิตไม่ต่างกับคน “หาเช้ากินค่ำ”ในชีวิตจริงๆ
นอกจอเสียเท่าไรเลย พวกเขามีลักษณะเดียวกันคือ มีหนี้สินติดตัว มีอาชีพ
ไม่มั่นคงและมีรายได้ต่ำ ชีวิตทั้งชีวิตใช้วันต่อวัน ด้วยความคิดเพียงแค่ว่า
“พรุ่งนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี” หรือไม่ก็รอ ปาฏิหาริย์เงินตกมาจากฟ้าเท่านั้น
ดูเหมือนพระเอกในเรื่องจะมองว่า time เป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะได้รับอย่าง
เท่าเทียมกัน เช่นเดียวกับหลายๆคนที่สงสัยว่า ทำไมคนเราเกิดมาถึงไม่เท่าเทียมกัน
ทำไมคนนั้นถึงรวย ทำไมคนนี้ถึงจน ทำไมตนเองถึงไม่มีเงิน นั่นล่ะคือสิ่งที่เราควร
จะลองปรับมุมมองใหม่กัน ชีวิตของเราที่กำลังหายใจอยู่นี้ สิ่งที่ควรจะใส่ใจจริงๆ
ไม่ใช่แค่ “เงิน” เท่านั้นนะ สิ่งที่เราต้องการจริงๆนั้น คือ “time” ต่างหาก แม้ว่าเราจะ
ไม่ได้ใช้ time ในการต่อชีวิตในโลกเหมือนในโลกของ in time ก็ตามที
แต่เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยชิน กับคำว่า “ยุ่งจนไม่มีเวลา” กันใช่ไหม
โปรดติดตามตอน 2 ได้ที่ ==> http://mito-chondria10.blogspot.com/2011/11/n-time-2.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น